พยากรณ์ราคาทองคำ: XAU/USD แสดงอารมณ์คริสต์มาสเหนือ $1,800
24 ธันวาคม 2564, 10:22
เทรนด์: คาดดึงกลับ
• ราคาทองคำยังคงไม่เคลื่อนไหวหลังจากขยับขึ้นใกล้ระดับสูงสุดประจำสัปดาห์
• อารมณ์ตามความเสี่ยง ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ผู้ซื้อทองคำเป็นที่ชื่นชอบแม้ว่าผลตอบแทนจะแข็งค่าขึ้น
•Omicron มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีน เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาหลักที่น่าจับตามองสำหรับทิศทางระยะสั้น
• แนวโน้มทองคำปี 2022: ความสัมพันธ์กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขับเคลื่อนโลหะสีเหลือง
ราคาทองคำ (XAU/USD) อยู่ที่ระดับ 1,809 ดอลลาร์ หลังจากปรับราคาสูงสุดในสัปดาห์ที่ 1,810 ดอลลาร์ในวันก่อนหน้า ในการทำเช่นนั้น โลหะสีเหลืองแสดงถึงความไม่เคลื่อนไหวของตลาดโดยทั่วไปในช่วงคริสต์มาสอีฟ
ที่กล่าวว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้วัวกระทิงให้กำลังใจในแง่ดีเกี่ยวกับโอกาสในการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่น้อยลงเนื่องจากตัวแปร covid ของแอฟริกาใต้ซึ่งเรียกว่า Omicron บวกสำหรับทองคำก็คือการอนุมัติขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) เกี่ยวกับยา Covid-19 ของเมอร์ค หนึ่งวันหลังจากอนุมัติยาเม็ดของไฟเซอร์เพื่อต่อสู้กับ Omicron เมื่อต้นสัปดาห์ กองทัพสหรัฐฯ ยังแจ้งข่าวการพัฒนาวิธีรักษาโควิดแบบเดียวและทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าการยกเลิกคำสั่งซื้อยาของเมอร์คในฝรั่งเศส โดยอ้างว่ามีผลกระทบน้อยกว่าที่ได้รับการส่งเสริม ประกอบกับกรณีของ Omicron ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อท้าทายการมองโลกในแง่ดีของตลาดและราคาทองคำ
ในบรรทัดเดียวกันคือข้อมูลของสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นซึ่งหนุนอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้รีเฟรชสูงเป็นรายเดือนที่ใกล้ 1.50% ท่ามกลางเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญ การปรับขึ้นของมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดต้องการ คือ ดัชนีราคา PCE หลัก ซึ่งต้องไม่ลืมคำสั่งซื้อสินค้าคงทนและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมิชิแกน ซึ่งสนับสนุนราคาหุ้นกู้ในช่วงปลายปี
นอกจากนี้ ความไม่มั่นใจในแผน Build Back Better (BBB) ของประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน และจีนไม่ชอบร่างกฎหมายของสหรัฐฯ ที่เน้นย้ำประเด็นชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ ยังท้าทายอารมณ์และทดสอบผู้ซื้อทองคำอีกด้วย
ในระยะที่ห่างไกล คำพูดล่าสุดจากผู้กำหนดนโยบายของเฟด คือ คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ นั้นไม่ค่อยดีนักและส่งสัญญาณให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2565 ซึ่งจะท้าทายราคาโลหะที่กลับตัวสูงขึ้น
เหนือสิ่งอื่นใด ปริมาณตลาดที่ลดลงในช่วงวันหยุดและปิดในตลาดหุ้นตะวันตกหลายแห่งอาจท้าทายผู้ค้าที่มีโมเมนตัม
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำพุ่งขึ้นที่ประมาณ 200-SMA เนื่องจาก MACD ที่ซบเซาและเส้น RSI ที่ซื้อเกินมาเกือบแนะนำการดึงกลับ แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวของตลาดทำให้การฟื้นตัวยังคงเดิม
ที่กล่าวว่าตัวเลขกลม 1,800 เหรียญถือเป็นกุญแจสำคัญในการลดลงใหม่ของโลหะโดยกำหนดเป้าหมายที่ระดับ 100-SMA ใกล้ 1,785 เหรียญ
อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าแนวรับหลายแนวใกล้ $1,770 และจุดต่ำสุดต้นเดือนธันวาคมที่ $1,762 อาจทดสอบการหมีก่อนที่จะนำพวกเขาไปสู่ระดับต่ำสุดรายเดือนใกล้กับ $1,753
อีกทางหนึ่งคือ จุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนและระดับสูงสุดรายเดือนที่ใกล้ $1,814-16 ท้าทายผู้ซื้อทองคำระยะสั้นก่อนที่จะส่งพวกเขาไปที่ระดับสูงสุดในเดือนกรกฎาคมและกันยายนที่ประมาณ 1,834 ดอลลาร์
ทอง: กราฟสี่ชั่วโมง
เทรนด์: คาดดึงกลับ
24 ธันวาคม 2564, 10:22
เทรนด์: คาดดึงกลับ
• ราคาทองคำยังคงไม่เคลื่อนไหวหลังจากขยับขึ้นใกล้ระดับสูงสุดประจำสัปดาห์
• อารมณ์ตามความเสี่ยง ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ผู้ซื้อทองคำเป็นที่ชื่นชอบแม้ว่าผลตอบแทนจะแข็งค่าขึ้น
•Omicron มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีน เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาหลักที่น่าจับตามองสำหรับทิศทางระยะสั้น
• แนวโน้มทองคำปี 2022: ความสัมพันธ์กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขับเคลื่อนโลหะสีเหลือง
ราคาทองคำ (XAU/USD) อยู่ที่ระดับ 1,809 ดอลลาร์ หลังจากปรับราคาสูงสุดในสัปดาห์ที่ 1,810 ดอลลาร์ในวันก่อนหน้า ในการทำเช่นนั้น โลหะสีเหลืองแสดงถึงความไม่เคลื่อนไหวของตลาดโดยทั่วไปในช่วงคริสต์มาสอีฟ
ที่กล่าวว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้วัวกระทิงให้กำลังใจในแง่ดีเกี่ยวกับโอกาสในการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่น้อยลงเนื่องจากตัวแปร covid ของแอฟริกาใต้ซึ่งเรียกว่า Omicron บวกสำหรับทองคำก็คือการอนุมัติขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) เกี่ยวกับยา Covid-19 ของเมอร์ค หนึ่งวันหลังจากอนุมัติยาเม็ดของไฟเซอร์เพื่อต่อสู้กับ Omicron เมื่อต้นสัปดาห์ กองทัพสหรัฐฯ ยังแจ้งข่าวการพัฒนาวิธีรักษาโควิดแบบเดียวและทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าการยกเลิกคำสั่งซื้อยาของเมอร์คในฝรั่งเศส โดยอ้างว่ามีผลกระทบน้อยกว่าที่ได้รับการส่งเสริม ประกอบกับกรณีของ Omicron ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อท้าทายการมองโลกในแง่ดีของตลาดและราคาทองคำ
ในบรรทัดเดียวกันคือข้อมูลของสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นซึ่งหนุนอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้รีเฟรชสูงเป็นรายเดือนที่ใกล้ 1.50% ท่ามกลางเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญ การปรับขึ้นของมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดต้องการ คือ ดัชนีราคา PCE หลัก ซึ่งต้องไม่ลืมคำสั่งซื้อสินค้าคงทนและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมิชิแกน ซึ่งสนับสนุนราคาหุ้นกู้ในช่วงปลายปี
นอกจากนี้ ความไม่มั่นใจในแผน Build Back Better (BBB) ของประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน และจีนไม่ชอบร่างกฎหมายของสหรัฐฯ ที่เน้นย้ำประเด็นชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ ยังท้าทายอารมณ์และทดสอบผู้ซื้อทองคำอีกด้วย
ในระยะที่ห่างไกล คำพูดล่าสุดจากผู้กำหนดนโยบายของเฟด คือ คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ นั้นไม่ค่อยดีนักและส่งสัญญาณให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2565 ซึ่งจะท้าทายราคาโลหะที่กลับตัวสูงขึ้น
เหนือสิ่งอื่นใด ปริมาณตลาดที่ลดลงในช่วงวันหยุดและปิดในตลาดหุ้นตะวันตกหลายแห่งอาจท้าทายผู้ค้าที่มีโมเมนตัม
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำพุ่งขึ้นที่ประมาณ 200-SMA เนื่องจาก MACD ที่ซบเซาและเส้น RSI ที่ซื้อเกินมาเกือบแนะนำการดึงกลับ แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวของตลาดทำให้การฟื้นตัวยังคงเดิม
ที่กล่าวว่าตัวเลขกลม 1,800 เหรียญถือเป็นกุญแจสำคัญในการลดลงใหม่ของโลหะโดยกำหนดเป้าหมายที่ระดับ 100-SMA ใกล้ 1,785 เหรียญ
อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าแนวรับหลายแนวใกล้ $1,770 และจุดต่ำสุดต้นเดือนธันวาคมที่ $1,762 อาจทดสอบการหมีก่อนที่จะนำพวกเขาไปสู่ระดับต่ำสุดรายเดือนใกล้กับ $1,753
อีกทางหนึ่งคือ จุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนและระดับสูงสุดรายเดือนที่ใกล้ $1,814-16 ท้าทายผู้ซื้อทองคำระยะสั้นก่อนที่จะส่งพวกเขาไปที่ระดับสูงสุดในเดือนกรกฎาคมและกันยายนที่ประมาณ 1,834 ดอลลาร์
ทอง: กราฟสี่ชั่วโมง
เทรนด์: คาดดึงกลับ