ปัจจัยพื้นฐาน : XAUUSD 7/12/2023
ราคาทองคำเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้ เนื่องจากเทรดเดอร์ย่อตัวลงโดยคาดว่าจะมีสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่จะเย็นลง ขณะเดียวกันความสนใจยังคงอยู่ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะวางแผนเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อได
ทองคำดูเหมือนจะร่วงลงสู่ช่วงการซื้อขายระหว่าง 2,020 ถึง 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 2,100 ดอลลาร์ในช่วงต้นสัปดาห์
ปัจจัยต่าง ๆ มากมายได้กระตุ้นให้ทองคำพุ่งขึ้น ในขณะที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณที่มีท่าทีเชิง dovish ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนมีนาคม 2024
ความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัยได้เพิ่มขึ้น ภายหลังการโจมตีเรือของสหรัฐฯ ในทะเลแดงที่ช่วยหนุนราคาทองคำด้วย แม้ว่าการขาดการยกระดับใด ๆ ในตะวันออกกลางจะส่งผลให้ความตึงเครียดในตลาดลดลงก็ตาม
จับตาการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ตลาดเก็งกำไรจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด
ขณะนี้นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ประจำเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันศุกร์ เพื่อหาสัญญาณอื่น ๆ ในตลาดแรงงาน
ข้อมูล ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs และ การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรมจาก ADP ที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ส่งสัญญาณการชะลอตัวลงในตลาดแรงงานสหรัฐฯ แต่ตลาดกำลังรอสัญญาณที่ชัดเจนจากรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตร
รายงานดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด แม้ว่าธนาคารกลางได้รับการคาดหวังอย่างกว้างขวางว่าจะ คงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ในสัปดาห์หน้า แต่ตลาดก็มีความไม่แน่นอนว่าจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายเมื่อใด
จนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่ของเฟดแทบไม่มีแนวโน้มที่จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย โดยพาวเวลล์ยังคงย้ำจุดยืนของเขาให้คงอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นในระยะยาว แต่เทรดเดอร์กำลังเดิมพันว่าอัตราเงินเฟ้อที่เย็นลงอีกและตลาดแรงงานจะทำให้เฟดเปลี่ยนแนวทางในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทองคำคาดว่าจะได้ประโยชน์จากท่าทีเชิง hawkish ที่ลดน้อยลงของเฟดและตลาดแรงงานที่เย็นลง ทองคำสามารถยืนระดับ 2,000 ดอลลาร์ได้อย่างไม่ยากนักนับตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอาจประกาศความแข็งแกร่งมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
วิเคราะห์ทางเทคนิค :
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA : ขาขึ้น (tf D1)
ตัวชี้วัดทางเทคนิค: ขาขึ้น (tf D1)
ราคาทองคำเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้ เนื่องจากเทรดเดอร์ย่อตัวลงโดยคาดว่าจะมีสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่จะเย็นลง ขณะเดียวกันความสนใจยังคงอยู่ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะวางแผนเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อได
ทองคำดูเหมือนจะร่วงลงสู่ช่วงการซื้อขายระหว่าง 2,020 ถึง 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 2,100 ดอลลาร์ในช่วงต้นสัปดาห์
ปัจจัยต่าง ๆ มากมายได้กระตุ้นให้ทองคำพุ่งขึ้น ในขณะที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณที่มีท่าทีเชิง dovish ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนมีนาคม 2024
ความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัยได้เพิ่มขึ้น ภายหลังการโจมตีเรือของสหรัฐฯ ในทะเลแดงที่ช่วยหนุนราคาทองคำด้วย แม้ว่าการขาดการยกระดับใด ๆ ในตะวันออกกลางจะส่งผลให้ความตึงเครียดในตลาดลดลงก็ตาม
จับตาการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ตลาดเก็งกำไรจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด
ขณะนี้นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ประจำเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันศุกร์ เพื่อหาสัญญาณอื่น ๆ ในตลาดแรงงาน
ข้อมูล ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs และ การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรมจาก ADP ที่เผยแพร่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ส่งสัญญาณการชะลอตัวลงในตลาดแรงงานสหรัฐฯ แต่ตลาดกำลังรอสัญญาณที่ชัดเจนจากรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตร
รายงานดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด แม้ว่าธนาคารกลางได้รับการคาดหวังอย่างกว้างขวางว่าจะ คงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ในสัปดาห์หน้า แต่ตลาดก็มีความไม่แน่นอนว่าจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายเมื่อใด
จนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่ของเฟดแทบไม่มีแนวโน้มที่จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย โดยพาวเวลล์ยังคงย้ำจุดยืนของเขาให้คงอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นในระยะยาว แต่เทรดเดอร์กำลังเดิมพันว่าอัตราเงินเฟ้อที่เย็นลงอีกและตลาดแรงงานจะทำให้เฟดเปลี่ยนแนวทางในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทองคำคาดว่าจะได้ประโยชน์จากท่าทีเชิง hawkish ที่ลดน้อยลงของเฟดและตลาดแรงงานที่เย็นลง ทองคำสามารถยืนระดับ 2,000 ดอลลาร์ได้อย่างไม่ยากนักนับตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอาจประกาศความแข็งแกร่งมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
วิเคราะห์ทางเทคนิค :
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA : ขาขึ้น (tf D1)
ตัวชี้วัดทางเทคนิค: ขาขึ้น (tf D1)